เปรียบเทียบBroker ระหว่างคิดค่าธรรมเนียมตามจริง กับ คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ


กดดูคลิป >>> https://youtu.be/_WLRbec6FNQ

ถ้าคุณพึ่งมีความคิดเริ่มต้นอยากจะลงทุนในหุ้น สิ่งแรกที่คุณจะทำก็คือเปิดพอร์ตหุ้น หรือบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณพึ่งเริ่มต้น คุณก็จะยังไม่รู้ว่าโบรกเกอร์ไหนเหมาะกับคุณที่สุด จนกว่าคุณจะเข้าไปสมัครใช้บริการจนถึงระยะนึงแล้ว ซึ่งถึงตอนนั้นต่อให้คุณรู้แล้วว่าโบรกเกอร์เจ้านี้มันไม่เหมาะกับเราเสียเลยแต่มันก็จะขี้เกียจไปซะแล้วสำหรับการที่คุณจะมาเริ่มเปิดพอร์ตใหม่

เพราะนั้นโพสนี้จึงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้นั้นเอง

เราต้องเข้าใจก่อนว่าประเภทพอร์ตหุ้นมันก็จะมีอยู่ 3 แบบ คือ cash balance , cash account , margin ซึ่งถ้าเราเป็นมือใหม่เลยอย่างไรก็ตามเมื่อเราจะยื่นคำข้อเปิดพอร์ต ทางเจ้าหน้าที่จะเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นให้เราอยู่แล้วคือบัญชีแบบ cash balance ซึ่งอันนี้น่าจะเป็นทุกๆโบรกเกอร์ ซึ่งอันนี้เราจะข้ามไป เพราะสิ่งที่สำคัญเลยคือเราจะต้องหาโบรกเกอร์ที่เหมาะกับเรา

สำหรับโบรกเกอร์ที่ให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นั้นจะมีอยู่ 2 แบบ ใหญ่ๆ

1) โบรกเกอร์แบบที่มีการคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำภายในวัน 50 บาท 
ก็คือถ้าวันไหนที่เรามีการส่งคำสั่งซื้อขายแล้วสำเร็จเสร็จสิ้น ก็คือซื้อได้ ขายได้นั้นแหละครับ ในวันนั้นมันจะมีค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นอย่างต่ำๆก็คือ50บาท ( ยังไม่รวมค่าธรรมของส่วนที่เป็นของตลาดหลักทรัพย์นะครับ ) 

สมมติว่า โบรกเกอร์ของเราคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50บาท/วัน และคิดค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.15% ของจำนวนเงินซื้อขาย แล้ววันนั้นเราซื้อๆขายๆ หรือซื้ออย่างเดียว ขายอย่างเดียว แล้วมูลค่าที่เกิดขึ้นในวันนั้นคือ 20,000 บาท เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้โบรกเกอร์ 30บาท แต่เนื่องจากโบรกเกอร์เรามีขั้นต่ำที่ 50บาท ต่อวัน ดังนั้นในส่วนต่างที่เหลืออีก 20บาท จะถูกตัดหลังจากปิดตลาดวันนั้น พอตอนเช้ามาเราก็เลยจะสั่งเกตุเห็นว่าต้นทุนของหุ้นที่เราซื้อหรือขายมันแพงๆขึ้นไม่ต้องตกใจเพราะมันรวมค่าธรรมเนียมส่วนนี้เข้าไปด้วย 

ดังนั้นถ้าเราไม่อยากเสียเปรียบแบบนี้ วันนั้นทั้งวันต้องมียอดซื้อขายต่ำๆก็ 33,400 บาทขึ้นไปเราก็จะเสียค่าธรรมในโบรกเกอร์ 50.10บาทพอดี 

2) โบรกเกอร์แบบที่คิดค่าธรรมเนียมตามจริง 
ก็คือจะเป็นโบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนที่เราซื้อขายในแต่ละวันเลย ไม่มีหักส่วนขาดส่วนเกินใดๆเพิ่มหลังจากตลาดปิด

สมมติ โบรกเกอร์ของเราคิดค่าธรรมเนียมตามจริง ที่อัตรา 0.15% ในวันนั้นเรามีการซื้อๆขายๆ ไปทั้งหมด 20,000 บาท เราก็จะเสียค่าธรรมเนียมให้กับโบรกเกอร์นั้นๆ 30 บาท จะไม่มีเรียกเก็บเพิ่มอีกแล้ว
พูดง่ายๆก็คือซื้อแค่ไหนจ่ายแค่นั้น

ที่นี้ถ้าถามผมว่าโบรกเกอร์แบบไหนดี ?

ปัจจุบันต้องบอกเลยว่าผมก็ใช้ทั้ง2แบบอยู่ ซึ่งจริงๆจะบอกทั้ง2 แบบนี้ก็ดีทั้งคู่นะครับ เพียงแต่ว่า มันเหมาะกับผู้ที่ใช้บริการมากน้อยเพียงใด ถ้าเราเป็นผู้ที่ในวันหนึ่งๆมีการซื้อๆขายๆมากจนพอดีหรือเกินจำนวนค่าธรรมเนียม 50 บาท เราก็อาจจะไม่มีปัญญาในส่วนนี้

แต่ถ้าสำหรับคนที่ซื้อๆขายๆ ไม่ถึงจำนวนขั้นต่ำ ผมคิดว่าการเลือกที่จะใช้บริการกับโบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมตามจริงก็น่าจะดีกว่า

ในส่วนของข้อมูลข่าวสาร ผมมองว่าอยู่ที่ว่ามาร์เก็ตติ้งเราใส่ใจเรามากแค่ไหนมากกว่า เพราะอย่างของผมเองใช้ทั้งสองแบบก็พบว่าการให้ข้อมูลหรือข่าวสารก็มีคุณภาพพอๆกัน เพราะนั้นเรื่องนี้ถ้าไม่ได้ซีเรียสอะไรก็ตัดออกไปได้ครับ

สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมนั้นจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโบรกเกอร์นะครับประมาณ 0.15 - 0.2% หรืออาจจะต่ำหรือสูงกว่านี้

ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ยังไม่รวมกับค่าธรรมเนียมตลาดอีกประมาณ 0.078% นะครับ

ก็เอาเป็นว่าใครคิดว่าซื้อขายเยอะๆก็เลือกแบบไหนก็ได้ แต่ถ้ใครที่คิดว่าคงซื้อขายต่อวันไม่ได้เยอะมากแบบที่สองก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ปัจจุบันโบรกเกอร์ในประเทศไทยก็มีทั้งแบบคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำต่อวัน และ คิดตามจริงให้ได้เลือกกันอยู่พอสมควร สามารถค้นหาได้ในเว็บไซด์นะครับ พิมพ์ค้นหาในสิ่งที่เราจะหาแล้วก็โทร.ไปสอบถามอีกทีครับ

ออ ถ้าเพื่อนๆท่านไหนมีไกด์ไลน์บอกก็สามารถคอมเม้นท์ไว้ด้านล่างได้เลยครับ

เพจ มือใหม่เข้าใจหุ้น https://www.facebook.com/narikaamoney 
blockdit เพจ มุม https://www.blockdit.com/narikaa 
เพื่อนๆสามารถกดสนับสนุนผมได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ https://www.youtube.com/channel/UC-2PvCjARBOTjuHgEmtm-6A/join
เพจ ขยะความคิด https://www.facebook.com/kadadplaow/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

DCA หุ้นด้วยฟังก์ชั่นในแอพ Streaming

การซื้อเศษหุ้น ( Odd Lot )

ทำไมต้องหุ้นใน SET50