การวิเคราะห์หุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน ในแบบมือใหม่ๆที่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรเลย


ตอนนี้กำลังนั่งเล่นก่อนที่จะไปทำงาน (ทำใจรถติดตั้งแต่หน้าบ้านยันไปถึงสีลมสาทร) คิดอะไรดีๆออกมานั่งดูงบการเงินบริษัทๆนึงอยู่ แล้วก็เกิดไอเดียขึ้นมา ซึ่งจริงๆก็เคยทำเป็นคลิปลงไปในyoutube แล้วเมื่อไม่นานมานี้ (ลิ้งค์นี้เลย https://youtu.be/p-Hvg83PhzU ) แต่กลับไปฟังตัวเองเล่าแล้วงงๆกับคำพูดตัวเอง เอาเป็นว่าจะมาสรุปให้เข้าใจอีกทีถ้าใครที่เข้าไปดูแล้วงงๆ 555

หลักการวิเคราะห์(ที่ไม่ใช่กราฟนะครับ)
เริ่มจาก 
1). เราต้องรู้ก่อนว่าหุ้นที่เราสนใจเนี้ยมันอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอะไร/หมวดธุรกิจอะไร/มันทำธุรกิจอะไร/เป็นอันดับอะไรในธุรกิจนั้น(ถ้าเป็นอันดับสองหรือมากกว่าให้ดูว่าอันดับหนึ่งจนถึงหุ้นตัวนี้มันห่างกันมากไหม?หรือส่วนแบ่งทางการตลาดหุ้นตัวนี้เสียเปรียบไหม?) ซึ่งวิธีการหา3อันแรกจะง่ายหน่อยซึ่งเราสามารถดูในเว็บตลาดหลักทรัพย์ได้,เว็บบริษัทนั้นๆ(ดูในภาพแรก)
 แต่ตรงอันดับในธุรกิจนั้นๆจะดูจากอะไร? 
1.1 ดูจากชื่อสินค้าแหละบริการของหุ้นตัวนั้นมันสะดุดตาเราไหม? เราออกับสินค้าหรือบริการนั้นไหม เช่น พูดถึงคอนโดนต้องเป็นของเจ้านี้ พูดถึงชื่อขนมมันก็ต้องเจ้านี้ พูดถึงร้านสะดวกซื้อต้องเจ้านี้ เป็นต้น
1.2 หาในgoogle พิมพ์ไปเลย เช่น ร้านค้าitอันดับต้นๆ , โรงแรมอันดับต้นๆ , ธุรกิจก่อสร้างอันดับต้นๆ ฯลฯ เยอะมากไปหาดู
เมื่อเราได้ข้อมูลมาเป็นที่เรีบร้อยแล้ว เราก็มาวิเคราะห์กันเลยครับ
  2). ให้ดูจำนวนหุ้นทั้งหมด(รูปแรก) ดูอัตราการถือครองหุ้นของรายย่อย %Free float (รูปที2)
ดูเปอร์เซ็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือในเปอร์เซ็นที่เยอะไหมเพื่อจะดูว่ารายใหญ่สามารถควบคุมหุ้นได้มากเพียงใด(รูปที่2) ง่ายๆถ้ารายใหญ่รายเดียวถือเยอะในปริมาณที่มากกว่าคนอื่นแบบต่อให้รวมกันมาก็เอาไม่ลงแสดงว่าผู้ถือหุ้นใหญ่มีอัตราในการต่อรองสูง การขึ้นหรือลงจึงจะเป็นเรื่องใหญ่(ส่งผลต่อรายใหญ่) ซึ่งถ้ารายย่อยถือในปริมาณมากโอกาศที่หุ้นจะขึ้นลงก็จะเยอะขึ้น (ซึ่งในส่วนของเจ้าถือเยอะก็ใช่ว่าจะขึ้นลงยากนะครับบางทีก็อาจจะเป็นผลดีกับเจ้ามือด้วยซ้ำที่จะลากหุ้นขึ้นลงสบายๆ) ในส่วนนี้เราก็อาจจะเลือกหุ้นที่เจ้าของถือในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากเกินไปและก็ไม่น้อยจนเกินไปครับ เมื่อรู้แล้วเราก็ไปที่ข้อต่อไปเลยครับ
  3).ไปดูที่หน้างบการเงินเลยครับ 

งบแสดงฐานะการเงิน
 3.1 ดูที่ข้อ "สินทรัพย์รวม" เพื่อดูขนาดของบริษัทว่าใหญ่หรือเล็กหรือกลาง(ใหญ่ๆก็ขนาดแสนล้านขึ้น หมื่นล้านไปจนเกือบแสนล้านจะเป็นขนาดกลาง ต่ำกว่านี้คือขนาดเล็ก) และดูว่าสินทรัพย์รวมมีการเพิ่มขึ้นทุกๆปีหรือไม่ถ้าเพิ่มขึ้นถือว่าดี(ภาพ3)
3.2 ดูที่ข้อ "หนี้สินรวม" เพื่อดูว่าบริษัทนี้มีหนี้อยู่เท่าไหร่ ดูว่าหนี้ในแต่ละปีมีการเพิ่มหรือลดลง (ถ้าลดลงถือว่าดี)(ถ้าทรงๆก็ถือว่าได้อยู่)(แต่ถ้าเพิ่มขึ้นต้องดอกจันทร์ไว้แล้ว) 
3.3 นำ3.1ลบกับ3.2 จะได้ข้อ3.3(ไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขทางเว็บคิดให้หมดแล้ว) ก็คือดูตรง "ส่วนของผู้ถือหุ้น" ตรงนี้ดูดีๆนะครับว่าหนี้เยอะกว่าส่วนผู้ถือหุ้นมากไหม?ถ้ามากก็ถือว่าไม่ดี(บริษัทโตด้วยหนี้) หรือวิธีคิดให้เอาหนี้สินทั้งหมดหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น ผลที่ได้ควรจะไม่สูงกว่า2เท่า แต่จะมีบางบริษัทที่จะมีหนี้เยอะเป็นปกติก็มีเช่น ธนาคาร เนื่องจากหนี้มาจากเงินฝาก เป็นต้น จะให้ค่าอยู่ที่ 3-10เท่าครับ
3.4 ดูที่ "มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว" ส่วนนี้คือมีการเพิ่มหุ้นเข้ามาหรือเปล่าจะมีผลทำให้ส่วนที่ต้องหารเพิ่มขึ้นจะมีผลต่อราคา ถ้าเท่าเดิมมาเรื่อยๆถือว่าดี

งบผลประกอบการ

3.5 ดูที่ "รายได้รวม" ควรโตขึ้นทุกๆปีและไม่ควรลดลงด้วย
3.6 ดูตรง"กำไรสุทธิ" "กำไรต่อหุ้น" ตรงนี้2ข้อนี้จะล้อกันเกิดจากกำไรที่หักลบค่าต่างๆจากรายได้รวมมาเป็นกำไรสุทธิและแบ่งไปเป็นแต่ละหุ้นเท่าๆกันซึ่งก็ควรที่จะโตขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
3.7 ตรง ROA และ ROE ควรต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกๆปี
 - roa เปรียบเหมือนลงทุนเงิน100บาท ทำกำไรได้กี่บาท (สินทรัพย์ทั้งหมด)
 - roe เปรียบเหมือนส่วนของผู้ถือหุ้นทำกำไรได้กี่เปอร์เซ็น ( ส่วนผู้ถือหุ้น )

ความถูกความแพง

3.8 ดูที่ "มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด" ควรไม่เกินข้อ"สินทรัพย์รวม" (อาจจะมีเป็นบางกลุ่มที่เกินให้ดู PEกลุ่มอุตสาหกรรม/หมวดธุรกิจ ประกอบ) (รูปที่4)
3.9 ดูที่ "P/E " ชิ่งเยอะยิ่งแพง ให้ดูเทียบกับ PEกลุ่มอุตสาหกรรมตามลิ้งค์นี้เลย https://youtu.be/MV84CmDQUsc PEหมวดธุรกิจ ตามลิ้งค์นี้ครับ https://youtu.be/sD7MKG-SsdU ถ้าใกล้เคียงกับกลุ่มหรือหมวดถือว่าโอเคอยู่ครับ (P/E พูดให้เข้าใจคือถือหุ้นนี้แล้วถืออีกกีปีจึงจะคืนทุนตัวเลขที่เราเห็นตรงP/E แทนจำนวนปีนะแหละครับ)

ผลตอบแทน

3.10 ดูตรง "อัตราเงินปันผลตอบแทน(%)" อันนี้แล้วแต่นโยบายของบริษัทครับยิ่งตัวเลขเยอะยิ่งปันผลสูงต่อปีคิดเป็นเปอร์เซ็นต่อราคาหุ้นที่เค้าคิดตามช่วงเวลาข้างบนนะครับ (โดยปกติแล้วหุ้นที่ปันผลสูงราคาก็จะไม่ค่อยโดดเด่น เช่นกันถ้าหุ้นตัวไหนราคาโดดเด่นตัวบริษัทโตขึ้นเรื่อยๆปันผลก็จะไม่ค่อยสูงนะครับ)


***** มูลค่าหุ้นทางบัญชี (บาท) อันนี้คือ มูลค่าของหุ้นนั้นๆจริงๆ สมมติว่าถ้าบริษัทนี้จะปิดตัวลงเราจะได้เงินคืนตามจำนวนที่ปรากฎต่อหุ้นประมาณนี้ครับ เราจะดูว่าหุ้นโตไม่โตดูตรงนี้ก็ได้ครับ
โอเคจบซะทีจะได้ไปทำงานละ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับมือใหม่และทุกๆท่านนะครับ ไปทำงานละเดียวสายยยยย บายยยย^^ โชคดีจงเป็นของเราาา

ติดตามเราได้ใน youtube ลิ้งค์ https://www.youtube.com/channel/UC-2PvCjARBOTjuHgEmtm-6A
เพจ มือใหม่เข้าใจหุ้น https://www.facebook.com/narikaamoney/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

DCA หุ้นด้วยฟังก์ชั่นในแอพ Streaming

การซื้อเศษหุ้น ( Odd Lot )

ทำไมต้องหุ้นใน SET50